Main Menu

Recent posts

#1

TOYOTA VIOS MID อีกหนึ่งรุ่นที่มียอดขายสูงที่สุด สำหรับโตโยต้า วีออส ไม่ว่าจะออกมากี่แบบ ก็ยังมีคนให้ความสนใจอย่างไม่ขาดสาย เพราะว่าราคาที่ไม่สูงเกินไป แต่ว่าได้ของทุกอย่างมาค่อนข้างครบ เลยมักกลายเป็นตัวเลือกแรกๆ ของคนที่อยากจะได้รถยนต์คันใหม่ เดี๋ยวเราลองมาดูรายละเอียดของรุ่นนี้ ว่าพิเศษอย่างไรบ้าง
ขุมกำลังของ TOYOTA VIOS MID

เครื่องยนต์
•   ใช้เครื่องยนต์ 2NR-FBE / 4 สูบ แถวเรียง DOHC 16 วาล์ว Dual VVT-i
•   ปริมาตรความจุของกระบอกสูบอยู่ที่ 1,496 ซีซี
•   กำลังแรงม้าสูงสุดที่ 79 แรงม้า ที่/ 6,000 รอบต่อนาที
•   แรงบิดสูงสุดของเครื่องยนต์ 140/ 4,200 นิวตัน-เมตร/รอบต่อนาที
•   รองรับการใช้น้ำมัน E85
•   ความจุถังน้ำมัน 42 ลิตร
•   อัตราประหยัดน้ำมัน 16 กิโลเมตร/ลิตร

ไซน์ภายนอก
รุ่นนี้ได้ไฟหน้าเป็นแบบโปรเจคเตอร์แบบรมควัน พร้อมกับด้วยหลอด LED Light Guide ส่วนไฟท้ายก็เป็นแบบ LED เช่นกัน ที่ปัดน้ำฝนในรุ่นนี้ เป็นแบบหน่วงเวลาและสามารถปรับตั้งเวลาได้ตามตั้งการ กระจกมองด้านข้างใช้เป็นสีเดียวกันกับตัวรถ สามารถปรับและพับเก็บได้เมื่อจอ มือจับประตูด้านนอก ใช้เป็นสีเดียวกันกับตัวรถ

ดีไซน์ภายใน
ห้องโดยสารภายในได้เป็นสีโรสโกลด์ วัสดุตกแต่งแผงและควบคุมกระจกแบบไฟฟ้า วัสดุที่ใช้ทำเบาะนั่งเป็นหนังสังเคราะห์ พวงมาลัยเป็นแบบพาวเวอร์ไฟฟ้า (EPS) สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ตามความเหมาะสม กระจกหน้าต่างเป็นแบบไฟฟ้า พร้อมระบบที่ช่วยป้องกันการหนีบ เบาะนั่งด้านคนขับ สามารถปรับระดับสูงต่ำได้ มือจับประตูด้านในเป็นแบบโครเมียม

อุปกรณ์อำนวยความสะดวก
รุ่นนี้ได้มาตรวัดเป็นแบบ Analog มีไฟแสดงการขับขี่แบบหยัด (Eco Master) ได้กุญแจเป็นแบบรีโมต มีเครื่องเสียง ที่สามารถเล่น DVD/CD/MP3/MP4/WMA ได้ และรองรับการเชื่อมต่อแบบไร้สายหรือ Bluetooth มีไฟส่องสว่างในตัวรถอัตโนมัติ ลำโพงทั้งหมด 4 ตำแหน่ง และ
ระบบปรับอากาศแบบอัตโนมัติ

ระบบความปลอดภัยของ TOYOTA VIOS MID
รุ่นนี้ได้ไฟส่องสว่างกลางวัน และไฟตัดหมอก มีกล้องมองหลัง ถุงลมนิรภัยระบบ SRS คู่หน้า ระบบความปลอดภัยก่อนการชน  รุ่นนี้มาพร้อมระบบเบรกแบบ(ABS/EBD) ป้องกันล้อล็อก ระบบช่วยเตือนขณะถอยรถ เข็ม ระบบกระจายแรงเบรกแบบ(EBD) เข็มขัดนิรภัยคู่หน้าแบบดึงรั้งกลับอัตโนมัติ เข็มขัดนิรภัยเบาะหลัง 3 จุด 2 ตำแหน่ง ระบบป้องกันล้อล้อหมุนฟรี TRC ตัวช่วยควบคุมการทรงตัว(VSC) ระบบป้องกันการออกตัวฉุกเฉิน กล้องมองขณะถอยหลัง ระบบกุญแจนิรภัย

ราคา
TOYOTA VIOS MID มีราคาเปิดตัวอยู่ที่ 699,000 บาท


เป็นอีกหนึ่งรุ่นที่น่าสนใจ ด้วยราคาที่ไม่สูงเกิน สามารถเข้าถึงได้ง่ายกว่ารุ่นอื่น แต่ว่าสมรรถนะของรถ ต้องบอกว่าเต็มเปี่ยม พร้อมที่จะลุยทุกเส้นทาง ไม่ว่าจะใกล้หรือไกล และในปีนี้ มีสีให้เลือกมาถึง 6 สีเลย แต่ละสีบออกสวยถูกใจมาก
#2

ทำเอาคอรถยนต์ต้องร้องว้าวกันอย่างสุดอึ้ง เมื่องาน Munich Motor Show 2023 ที่ประเทศเยอรมันนีที่ผ่านมา มีการเปิดตัวรถรุ่นใหม่ล่าสุดจากค่าย Cupra แบรนด์รถชื่อดังสัญชาติสเปน ได้เปิดตัวต้นแบบรถที่มีชื่อรุ่นว่า Cupra DarkRebel เป็นแนวรถสปอร์ตไฟฟ้าสุดล้ำเหมือนรถออกมาจากโลกอนาคต ด้วยดีไซน์ที่แปลกใหม่ ล้ำกว่ารถที่เคยมีมาบนโลกเลยทีเดียว ทำเอาคนที่ได้เข้าไปสัมผัสด้วยตาตัวเองในงาน ต้องฮือฮากันยกใหญ่ พร้อมแล้วก็ไปดูรายละเอียดเพิ่มเติมกันเลย

ดีไซน์ภายนอกของ Cupra Dark Rebel
– ดีไซน์ของรถทำออกมาสะดุดตาอย่างมาก องค์ประกอบต่างๆออกแบบมาอย่างมีเอกลักษณ์ที่สุดล้ำทันสมัย โลโก้ของ Cupra อยู่ด้านหน้ารถ ที่ได้ส่องแสงวาวออกมาระยิบระยับ สีของรถเน้นไปทางเฉดสีม่วงเข้ม กันชนออกแบบได้อย่างสุดว้าวแนวสปอร์ตแสนดุดัน ส่วนด้านข้างของรถออกแบบได้ล้ำยุคไม่ต่างกัน เป็นแนว Shooting Brake ราวกับหลุดมาจากโลกนาคตหรือรถแต่งที่มีอยู่ในเกมเลยทีเดียว นอกจากนั้นยังมีสปอยเลอร์สุดจี๊ดโดนใจอยู่ด้านหลัง มาพร้อมกับไฟท้ายที่โดดเด่นไม่ต่างกัน ขณะที่ล้อของรถทั้ง 4 นั้นออกแบบมาได้เร้าใจไม่เหมือนใคร มีลายตัดกันไปมาระหว่างสีดำกับทองแดง ที่ทำออกมาให้มองเห็นคาลิเปอร์เบรกได้ด้วย รวมๆแล้วภายนอกของ Cupra Dark Rebel ต้องบอกว่าล้ำหน้าที่สุดแล้วในเวลานี้

ดีไซน์ภายในของ Cupra Dark Rebel
– ภายนอกว่าจี๊ดแล้ว ภายในก็ทำมาได้อย่างสุดว้าวไม่ต่างกัน เริ่มที่คอนโซลที่ออกแบบด้วยเทคโนโลยี 3D Metal Printing พร้อมกับเบาะนั่งแนว Supersport พร้อมพนักพิงศีรษะที่หุ้มด้วยผ้าถัก 3D คันเกียร์เป็นคริสตัล ส่วนในเรื่องความสะดวกสบายนั้น เทคโนโลยีที่ดีที่สุดที่มีได้รวมอยู่ในตัวรถคนนี้หมดแล้ว

นอกจากนั้นแล้ว รถ Cupra Dark Rebel ยังเน้นเรื่องสิ่งแวดล้อมอีกด้ววย โดยมีการใช้วัสดุที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อมมากมายหลายจุด เช่น ไม้ไผ่ที่ย่อยสลายได้ทางชีวภาพ 90%, มีมีกล้องตรวจจับความร้อนด้านบนที่มีประสิทธิภาพสูง จะคอยตรวจสอบอุณหภูมิภายในห้องโดยสาร เพื่อให้ปรับอุณหภูมิออกมาอย่างเหมาะสมแบบอัตโนมัติอีกด้วย

Cupra Dark Rebel คือรถของไฮไลท์ในงาน งาน Munich Motor Show 2023 ที่ผ่านมา แล้วถึงจะมีคนสนใจอยู่เยอะมากๆ แต่ทั้งนี้ยังไม่มีการประกาศจากค่ายออกมาชัดเจนว่าจะผลิตรถคันนี้ออกมาเมื่อไหร่หรือในวันไหนแน่ ต้องคอยติดตามกันต่อไป ว่าจะได้เห็นรถสุดล้ำที่อยู่ในโลกอนาคตนี้ออกมาตอนไหน ซึ่งหากออกมาแล้ว มั่นใจอย่างมากว่าจะคนสนใจและซื้อมันไปครอบครองไม่น้อยแน่นอน
#3

ประเทศสวิตเซอร์แลนด์คือประเทศในฝันที่หลายคนอยากจะไปเที่ยวให้ได้สักครั้ง เพราะที่นี่คือแหล่งท่องเที่ยวที่โด่งดังติดอันดับโลก มีธรรมชาติที่สวยสดงดงาม มีความสงบที่ตามหา ไร้ความวุ่นวายจากโลกที่หมุนเร็วขึ้นทุกวัน ที่นี่ยังถูกยกให้เป็นเมืองที่ผู้คนมีความสุขมากที่สุดอันดับต้นๆของโลกมานานหลายปีแล้ว แต่หากอยากหาความสุขอะไรทำนองนี้ ประเทศไทยก็มีดีเช่นกัน และที่แห่งนั้นก็คือ ปางอุ๋ง ยังจังหวัดแม่ฮ่องสอน

   ปางอุ๋ง คือแหล่งท่องเที่ยวที่ได้รับความนิยมอย่างมาก อย่างยิ่งในช่วงหน้าหนาวที่จะทำให้ที่นี่สวยงามจับตา จนไม่คิดว่าที่แห่งนี้อยู่ในประเทศไทยเลยทีเดียว ซึ่งหากใครยังไม่เคยไปล่ะก็ แนะนำว่าจะต้องหาเวลาไปให้ได้ แล้วจะเข้าใจพร้อมรู้ซึ้งด้วยตัวเองว่าทำไมที่แห่งนี้ถึงได้รับการยอมรับว่าคือสวิตเซอร์แลนด์ของบ้านเราแน่นอน

   อุทยานแห่งชาติปางอุ๋ง ตั้งอยู่ที่ หมู่บ้านรวมไทย ตำบลหมอกจำแป่ อำเภอเมืองแม่ฮ่องสอน จังหวัดแม่ฮ่องสอน สำหรับการเดินทางนั้นไม่ได้ยากเลย เพราะปัจจุบันเส้นทางการมาถึงที่นี่ดีกว่าเดิมเยอะมากๆ สามารถขับรถยนต์มาเองได้อย่างง่ายดาย หากว่ามาจากกรุงเทพ ให้มาตามเส้นกรุงเทพ-ฮอด แล้วตลอด 2 ข้างทางจะมีป้ายบอกทางอยู่ตลอด ยังไงก็ไม่มีทางหลง แล้วปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีนำทาง GPS ที่แม่นยำมากๆ ก็แทบจะหายห่วงเรื่องมาไม่ถูก

ปางอุ๋ง มีอะไรดีทำไมต้องมา


   อันดับแรกที่ปางอุ๋งมีไม่เหมือนที่ไหนๆ คือเต็นท์พักริมน้ำ ที่มันดีต่อใจมากๆ การได้นั่งทำอาหารหรือพักผ่อนสบายๆยังที่พักติดริมน้ำ มันช่างเป็นความสุขใจที่ดีที่สุด แล้วไฮไลท์สำคัญคือช่วงเช้า ที่จะมีหมอกจางๆขึ้นมาบนผิวน้ำ จะมาหรือน้อยขึ้นอยู่กับแต่ละวัน แต่บอกได้คำเดียวว่าสุดฟิน ทั้งยังมีบริการนั่งเรือสัมผัสอย่างใกล้ชิดด้วย แล้วเมื่อนำเอา อากาศเย็นสบาย หมอกจางๆ การนั่งเรือชมธรรมชาติที่สวยงาม เข้าด้วยกัน ที่นี่คือแดนสวรรค์ที่ไม่เกินเลยเลยจริงๆ

   นอกจากนั้นแล้วที่ปางอุ๋งยังมีหมู่บ้านรักษ์ไทยอีกด้วย ซึ่งเดินทางไม่ไกลกันเลย เมื่อชมความสวยงามในช่วงเช้าเสร็จแล้ว สามาถเดินทางต่อมาที่นี่ได้เลย ที่นี่มีกิจกรรมมากมายรอนักท่องเที่ยวอยู่ จะมาเที่ยวหรือมาพักผ่อนได้ตามสะดวก คุ้มค่าแน่นอนหากได้มาหมู่บ้านแห่งนี้ที่ได้รวมรวบเอาวัฒนธรรมจีนยูนนานเอาไว้อย่างครบถ้วน ซึ่งเข้ากับธรรมชาติของที่นี่ได้อย่างดีเยี่ยม

   หน้าหนาวนี้หากไม่รู้ว่าจะไปพักผ่อนที่ไหน แนะนำมากๆในการมาปางอุ๋ง จะมา 1 คืน 2 วัน หรือ 3 วัน 2 คืน ก็จะพบกับความสุขที่ต้องการ แล้วจะรู้ได้เลยว่าที่นี่ที่ถูกเรียกว่าเที่ยวสวิตเซอร์แลนด์เมืองไทยนั้นคือของจริง
#4

ภูหินร่องกล้า สถานที่ท่องเที่ยวที่จะพลาดไม่ได้อีกหนึ่งแห่ง เป็นอุทยานแห่งชาติ ที่มีความอุดมสมบูรณ์ที่สุดอีกหนึ่งที่ เมื่อนักท่องเที่ยวได้ขึ้นมาเที่ยวบนภูหินร่องกล้า สิ่งแรกที่นักท่องเที่ยวบอกเหมือนกันก็คือ ความสวยงามที่เหมือนกับว่าสถานที่นี้ไม่ได้อยู่ที่ประเทศไทย เหมือนกับเป็นที่เที่ยวในต่างประเทศเลย ยิ่งถ้าได้ไปเที่ยวในช่วงฤดูหนาวด้วย ความสวยงามก็จะเพิ่มขึ้นอีกหลายเท่าเลยแหละ ดังนั้นเรามาทำความรู้จักกับภูหินร่องกล้าให้มากขึ้นดีกว่า เพื่อให้คุณมีข้อมูลก่อนที่จะไปเที่ยวสถานที่จริง

กิจกรรมที่น่าสนใจ
มีหลายท่านยังไม่รู้ว่าเมื่อมาเที่ยว ภูหินร่องกล้า แล้ว จะเที่ยวอะไรได้บ้าง และนี่คือกิจกรรมที่คุณไม่ควรพลาด กิจกรรมที่น่าสนใจคือ
•   ชมสถานที่ทางประวัติศาสตร์ ที่นี่มีสถานที่ที่สำคัญอยู่หลายแห่ง เช่น พิพิธภัณฑ์ โรงพยาบาลรัฐ,สุสาน และอีกหลายอย่าง ที่มีความเป็นมาที่น่าสนใจ ท่านสามารถเข้ามาศึกษาความเป็นมาของสถานที่เหล่านี้ได้ด้วย
•   เที่ยวน้ำตก อันนี้ก็พลาดไม่ได้เช่นกัน ที่ภูหินร่องกล้า มีน้ำตกสวยงามหลายแห่ง ไม่ว่าจะเป็นน้ำตกร่มเกล่า น้ำตกหมันแดง ล้วนแต่เป็นน้ำตกที่ขึ้นชื่อและสวยงามทั้งสิ้น แต่การเดินทางไปเที่ยวน้ำตกนั้น ท่านต้องติดต่อกับเจ้าหน้าที่ให้เป็นคนนำทางไป เพราะว่าต้องเดินต่อเข้าไปอีก ถึงจะเจอน้ำตก
•   ชมโรงเรียนการเมืองทหาร เป็นจุดที่นักท่องเที่ยวเข้ามาชมเยอะที่สุดในหน้าหนาว เพราะว่าเป็นช่วงที่ใบเมเปิ้ลหล่น ทำให้บรรยากาศและธรรมชาติบริเวณนี้ สวยงามยิ่งขึ้นไปอีก ซึ่งความสวยงามทางธรรมชาติเหล่านี้ จะมีให้ดูได้เฉพาะในช่วงฤดูหนาวเท่านั้น ถ้าหากมาผิดช่วง ก็อาจจะไม่ได้เจอก็ได้ ทางที่ดีต้องหาข้อมูลเอาไว้ล่วงหน้าจะดีที่สุด
•   ลานหินแตก เป็นจุดที่ท่านจะได้ชมความงามทางธรรมชาติ นั่นก็คือลานหินแตก ที่นี่มีพื้นที่กว้างกว่า 40 ไร่  ท่านจะได้เห็นความสวยงามของหินน้อยใหญ่ รูปร่างแปลกประหลาด นอกจากนี้ยังมีต้นไม้ดอก ไม้ประดับหลายชนิด ที่ช่วยแต่งเติมให้สถานที่ดูสวยงามยิ่งขึ้น

การเดินทาง
ท่านสามารถเดินทางด้วยรถยนต์ส่วนตัว เข้ามาจนถึงตัวอุทยานได้เลย สามารถเดินทางได้ทั้ง 2 ทาง ไม่ว่าจะเป็นทางด้านจังหวัดเพชรบูรณ์ และทางจังหวัดพิษณุโลก เส้นทางก็สะดวกสบาย ไม่มีลำบากหรืออันตรายด้วย

ค่าบริการในการเข้าชม
ฟรี

ที่พักและอาหาร

บนภูหินร่องกล้ามีสถานที่ให้นักที่ท่องเที่ยวได้กางเต้นท์ ซึ่งเจ้าหน้าที่จะเป็นผู้กำหนดว่าควรกางบริเวณไหนบ้าง หรือท่านจะเช่ากับทางอุทยานก็ได้ ส่วนเรื่องอาหาร ด้านบนก็มีให้บริการเช่นกัน แต่แนะนำว่าให้ท่านนำขึ้นไปทานด้วยตัวเองจะดีกว่า เพราะอาหารไม่ค่อยหลากหลายเท่าไหร่ นักท่องเที่ยวที่มาเที่ยว ส่วนใหญ่ก็นำอาหารขึ้นไปทานเองทั้งนั้น

พิกัดของ ภูหินร่องกล้า
ตั้งอยู่บนรอยต่อของสามจังหวัด คือ จังหวัดพิษณุโลก จังหวัดเพชรบูรณ์ และจังหวัดเลย
#5

ประวัติ ฌอง-ฟิลลิปส์ มาเตต้า กองหน้าชาวฝรั่งเศสของ คริสตัล พาเลซ
ทีมชาติ : ฝรั่งเศส U21 11 นัด – 2 ประตู (ยังไม่เคยติดทีมชุดใหญ่)
สโมสรปัจจุบัน : คริสตัล พาเลซ 67 นัด – 10 ประตู (2022-?)

ฌอง-ฟิลลิปส์ มาเตต้า (Jean-Philippe Mateta) เกิดวันที่ 28 มิถุนายน 1997 ที่ประเทศฝรั่งเศส เริ่มต้นเล่นฟุตบอลระดับเยาวชน กับสโมสร Olympique de Sevran (2006-2010) จากนั้นในปี 2014 ย้ายมาอยู่กับ Châteauroux (ฝรั่งเศส ดิวิชั่น 3) แล้วได้สัญญาอาชีพในฤดูกาล 2015/16 ลงเล่น 22 นัด ยิง 11 ประตู แล้วฤดูกาล 2016/17 ออกตัวด้วยการยิง 5 ประตู จาก 5 นัด จึงถูก ลียง ซื้อตัวไปร่วมทีมในฤดูกาลเดียวกัน แต่เบียดแย่งตัวจริงไม่ได้ ลงเล่นลีกเอิงแค่นัดเดียว ก่อนจะถูกปล่อยให้ เลอ อาร์ฟ (ฝรั่งเศส ดิวิชั่น 2) ยืมตัวไปใช้งาน แล้วระเบิดฟอร์มยิง 20 ประตูจาก 38 นัด แต่ยังไม่เพียงพอต่อการพาทีมเลื่อนชั้น

ฤดูกาล 2018/19 ไมนซ์ มอบสัญญา 4 ปี ดึงตัว ฟิลลิปส์ มาเตต้า ไปร่วมทีม แล้วเป็นตัวหลักของทีมในทันที ในวันที่ 5 เมษายน 2019 มาเตต้ากดแฮตทริคใส่ ไฟร์บวร์ก (ชนะ 5-0) 20 เมษายน 2019 กดสองประตูใส่ ดุสเซลดอร์ฟ (ชนะ 3-1) แล้วในวันที่ 3 พฤษภาคม 2019 ยิงอีกหนึ่งลูกใส่ RB ไลป์ซิก (เสมอ 1-1) จบซีซั่นด้วยการยิงในบุนเดสลีก้า 14 จาก 34 นัด

ฤดูกาล 2019/20 ฟิลลิปส์ มาเตต้า มีอาการบาดเจ็บรบกวน ได้ลงเล่นแค่ 18 นัดรวมทุกรายการ ยิง 3 จ่าย 1 แอสซิสต์ แต่กลับมาได้ในฤดูกาล 2020/21 ออกตัวด้วยการยิง 10 ประตูจาก 17 นัดรวมทุกรายการ แล้วถูก คริสตัล พาเลซ ซื้อตัวมาร่วมทีม ในฤดูกาลเดียวกัน ด้วยค่าตัว 15 ล้านยูโร แต่ไม่ได้รับโอกาสมากนัก ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีกแค่ 7 นัด (ตัวจริง 2 สำรอง 5) ยิง 1 ประตูในเกมชนะ ไบรท์ตั้น 2-1

ฤดูกาล 2021/22 ฟิลลิปส์ มาเตต้า ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีกแค่ 2 นัดจาก 17 เกมแรก จากนั้นได้รับโอกาสอย่างต่อเนื่อง ผ่านไปถึงวันที่ 4 เมษายน 2022 มาเตต้ายิง 1 ประตูใส่ อาร์เซน่อล (ชนะ 3-0) จบซีซั่นด้วยการยิง 5 ประตู จ่าย 1 แอสซิสต์ จากการลงเล่นพรีเมียร์ลีก 22 นัด

ฤดูกาล 2022/23 ฟิลลิปส์ มาเตต้า เริ่มได้รับโอกาสมากขึ้น แม้จะเป็นสำรองเป็นส่วนใหญ่ ผ่านไปถึงวันที่ 20 สิงหาคม 2022 เขายิง 1 ประตูในเกมชนะ แอสตัน วิลล่า 3-1 และยิงอีก 1 ประตูในเกมชนะ เลสเตอร์ 2-1 และนั่นเป็น 2 ประตูที่ยิงได้จากการลงเล่น 32 นัดรวมทุกรายการ
 
ฤดูกาล 2023/24 (ปัจจุบัน) ฟิลลิปส์ มาเตต้า ยังอยู่กับ คริสตัล พาเลซ ได้ลงเล่นพรีเมียร์ลีก 1 จาก 3 นัด ยังยิงประตูไม่ได้ อย่างไรก็ตาม ในวันที่ 29 สิงหาคม 2023 เขากดแฮตทริคใส่ พลีมัธ (ชนะ 4-2) ในฟุตบอลคาราบาว คัพ รอบที่ 3
#6

เจมส์ แมดดิสัน ยอดกองกลางจากเกาะอังกฤษ เป็นอีกหนึ่งนักเตะที่ถูกจับตามองมากที่สุด เพราะด้วยอายุที่ยังน้อย แต่ว่าฟอร์มของเขากลับแตกต่าง ทำให้กลายเป็นที่จับตามอง ตั้งแต่สมัยที่เขาอยู่กับ เลสเตอร์ ซิตี้ จนล่าสุด ได้ย้ายมาที่รังใหม่เรียบร้อย

ชื่อเต็ม เจมส์ ดาเนียล แมดดิสัน
วันเกิด 23 พฤศจิกายน ค.ศ. 1996 (26 ปี)
สถานที่เกิด คอเวนทรี อังกฤษ
ส่วนสูง 5 ฟุต 9 นิ้ว (1.75 ม.)
ตำแหน่ง กองกลางตัวรุก

เส้นทางของการเป็นนักฟุตบอลของ เจมส์ แมดดิสัน

การเป็นนักเตะของ เจมส์ แมดดิสัน เริ่มต้นกับทีมชุดเยาวชน ในตอนแรกเขาเล่นให้กับ โคเวนทรี และหลังจากเล่นให้กับทีมอยู่ปีกว่า เขาก็ได้ถูกเสนอชื่อให้เป็นนักเตะชุดใหญ่ แม้ว่าจะได้เป็นนักเตะชุดใหญ่แล้ว เจ้าตัวก็ยังไม่เคยได้ลงสนามแม้แต่ครั้งเดียว จนกระทั่งปี 2014 เขาจึงมีโอกาสได้ลงสนามเกมแรก หลังจากที่เล่นให้กับ โคเวนทรี กว่า 3 ปี แมดดิสัน ก็ได้ย้ายไปอยู่กับ นอริช ซิตี้ แต่ก็ยังไม่มีโอกาสได้ลงเล่นอีกเช่นเคย เพราะทางด้านของ โคเวนทรี ยังต้องการยืมตัวของ แมดดิสัน อยู่

จากนั้นก็ถูกยืมตัวไปอีกครั้ง ครั้งนี้ได้ไปเล่นที่ลีกของ สกอตแลนด์ แล้วก็กลับมาอีกครั้งในฤดูกาล 2017-2018 ในครั้งนี้เอง ที่ตัวของ แมดดิสัน ได้กลายเป็นตัวหลักของ นอริช ซิตี้ เขาโชว์ผลงานได้อย่างยอดเยี่ยม พร้อมกับรับรางวัลมากมาย

หลังจากที่เจ้าตัวโชว์ฟอร์ได้ดีขนาดนี้ ทำให้แมวมองของ เลสเตอร์ ซิตี้ สนใจอยากจะดึงตัวเข้ามาร่วมทีม ในปี 2018-2019 และเขาก็ยังทำผลงานดีอย่างต่อเนื่อง แม้กระทั่งการคว้าแชมป์ เอฟเอ คัพ มาครอง แมดดิสัน ก็เป็นส่วนสำคัญ ที่ทำให้ทีมประสบความสำเร็จ แต่หลังจากนั้น ฟอร์มของ เลสเตอร์ ซิตี้ ก็ไม่ดีขึ้นอย่างที่คาด ทำให้ต้องตกลงไปเล่นในดิวิชั่น 2 และในปี 2023 นี่เอง ตัวของ แมดดิสัน ได้เซ็นต์สัญญาใหม่ กับทาง ท็อตแน่ม ฮ็อตสเปอร์ หลังจากที่อยู่กับเลสเตอร์ มากว่า 5 ปี ลงเล่นไปทั้งหมด 163 นัด ยิงประตูได้ทั้งหมด 43 ประตู ทำให้เจ้าตัวยังคงได้โลดแล่นอยู่บนพรีเมียร์ลีกอีกเช่นเดิม

สำหรับผลงานของ แมดดิสัน ก็ยังไม่ประสบความสำเร็จเท่าที่ควร เขาได้ลงเล่นในรุ่นอายุไม่เกิน 21 ปี ซึ่งก็ยังไม่มีผลงานอะไรที่น่าพอใจ และต่อจากนี้ เจ้าตัวก็พร้อมที่จะรับใช้ประเทศชาติ ในฐานะนักเตะตัวจริงของทีมชาติอังกฤษ เชื่อว่าผลงานที่เขาได้สร้างมาดีโดยตลอด คงทำให้ทีมชาติมองเห็นโอกาส ในการใช้ตัวของ แมดดิสัน เข้ามาช่วยได้ไม่มากก็น้อย

รางวัลส่วนตัว

•   EFL Young Player of the Month: มกราคม 2018
•   PFA Team of the Year: แชมเปียนชิป 2017–18
•   Norwich City Player of the Season: 2017–18
•   EFL Team of the Season: 2017–18
#7

โธมัส ปาร์เตย์ มิดฟิลด์ทีมชาติกาน่าของ อาร์เซน่อล
ทีมชาติ : กาน่า 45 นัด – 13 ประตู (2016-?)
สโมสรปัจจุบัน : อาร์เซน่อล 102 นัด – 5 ประตู (2020-?)

โธมัส ปาร์เตย์ (Thomas Partey) เกิดวันที่ 13 มิถุนายน 1993 ที่ประเทศกาน่า เริ่มต้นเล่นฟุตบอล ระดับเยาวชนกับ อคาเดมี่ของสโมสร Odometah  ในปี 2011 จากนั้นย้ายมาอยู่กับ อคาเดมี่ของ เลกาเนส ในปี 2012 แล้วในปีเดียวกัน ย้ายสู่อคาเดมี่ของ แอตเลติโก้ มาดริด แล้วถูกดันขึ้นทีมชุดใหญ่ในปี 2013 แต่ยังไม่ใช่ตัวหลักของทีม

ฤดูกาล 2013/14 ถูกส่งให้ มาญอร์ก้า (เซกุนด้า เบ) ยืมตัวไปใช้งานได้ลงเล่น 38 นัดรวมทุกรายการ ต่อด้วยการส่งไปให้ เลกาเนส (ลาลีก้า) ยืมตัวไปใช้งานในฤดูกาล 2014/15 ได้ลงเล่น 32 นัด ยิง 4 ประตู แล้วถูกเรียกตัวกลับมาใช้งานในฤดูกาลถัดมา
ฤดูกาล 2015/16 โธมัส ปาร์เตย์ ยังไม่ใช่ตัวหลักของ แอตเลติโก้ มาดริด ได้ลงเล่น 23 นัดรวมทุกรายการ เช่นเดียวกับฤดูกาล 2016/17 ได้ลงเล่น 24 นัดรวมทุกรายการ ยิงได้ 1 ประตู ก่อนจะมาเป็นตัวหลักอย่างเต็มตัวในฤดูกาล 2017/18 ได้ลงสนามมากถึง 50 นัดรวมทุกรายการ ยืนเป็น 4 มิดฟิลด์ตัวหลักร่วมกับ ซาอูล ญีเกซ, กาบี้ และ โกเก้ พาทีมจบอันดับ 2 ลาลีก้า ตามหลัง บาร์เซโลน่า 14 คะแนน แล้วยังมีส่วนสำคัญในการพาทีมคว้าแชมป์ ยูโรป้าลีก 2017/18 ได้ลงเล่น 8 จาก 9 นัด (ตัวจริง 5 สำรอง 3) อยู่ในสนาม 2 นาที ในรอบชิงชนะเลิศ ที่เอาชนะ มาร์กเซย์ 2-0
หลังจากนั้น โธมัส ปาร์เตย์ ยังเป็นตัวหลักของ แอตเลติโก้ มาดริด 2 ฤดูกาลติด พอถึงฤดูกาล 2020/21 ได้เล่นแค่ 3 นัดก็ถูกขายให้ อาร์เซน่อล แล้วฤดูกาลนั้น ทัพตราหมีคว้าแชมป์ลาลีก้า ด้วยการเอาชนะ เรอัล มาดริด 2 คะแนน น่าเสียดายที่เขาไม่ได้สัมผัสถ้วยแชมป์ลาลีก้า ทั้งที่อยู่ค้าแข้งกับทีมมาตั้ง 8 ปี

ส่วนสถานะกับ อาร์เซน่อล ในฤดูกาล 2020/21 ปาร์เตย์ถือเป็นตัวเลือกแรก แต่อาการบาดเจ็บ ทำให้เขาได้ลงสนามแค่ 33 นัดรวมทุกรายการ แบ่งเป็นเกมลีกแค่ 24 นัดเท่านั้น แล้วในฤดูกาล 2021/22 สถานการณ์ของ ปาร์เตย์ ก็ไม่ต่างจากเดิม เป็นตัวหลักที่ถูกอาการบาดเจ็บรบกวน ได้ลงเล่น 26 นัดรวมทุกรายการ แล้วตลอด 2 ฤดูกาลที่อยู่กับ อาร์เซน่อล ทีมยังไม่ประสบความสำเร็จอะไรเลย
ฤดูกาล 2022/23 โธมัส ปาร์เตย์ สภาพร่างกายดูดีขึ้นมาก พลาดลงเล่นพรีเมียร์ลีกแค่ 5 นัด ยืนเป็นแกนหลักในแดนกลางร่วมกับ กรานิต ชาก้า และ มาร์ติน โอเดการ์ด พาทีมขึ้นนำเป็นจ่าฝูงตั้งแต่ช่วงเริ่มต้น แต่พลาดโดน แมนเชสเตอร์ ซิตี้ แซงในช่วง 5-6 นัดสุดท้าย ทำให้ได้แค่รองแชมป์พรีเมียร์ลีกเท่านั้น

ฤดูกาล 2023/24 โธมัส ปาร์เตย์ ยังอยู่กับ อาร์เซน่อล ลงเล่นไปแล้ว 3 นัดรวมทุกรายการ
#8

ฟุตบอลโลกครั้งล่าสุด 2022 ที่กาตาร์จบลงไปอย่างยิ่งใหญ่สวยงามกับการคว้าแชมป์โลกได้อีกครั้งของทีมชาติอาเจนติน่า ที่นำทัพโดยสุดยอดนักเตะอย่าง ลิโอเนล เมสซี่ พาทีมประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่ยอดเยี่ยม นับเป็นการคว้าแชมป์โลกได้เป็นสมัยที่ 3 ของทัพฟ้าขาวอีกด้วย นอกจากนั้นนัดชิงชนะเลิศของฟุตบอลโลกครั้งนี้ยังถูกยกย่องให้เป็นนัดชิงที่ยอดเยี่ยมที่สุด สนุกที่สุด มันส์ที่สุดคู่หนึ่งตั้งแต่รายการมีมา ในการปะทะของระหว่าง ทีมชาติอาเจนติน่ากับทีมชาติฝรั่งเศส โดยที่ต้องไปตัดสินยังการดวลจุดโทษ แล้วเป็นทัพฟ้าขาวที่แม่นกว่า ชนะด้วยผลรวม 4-2 อย่างลุ้นระทึก

สำหรับฟุตบอลโลกถูกจัดขึ้นทุกๆ 4 ปี เป็นมหกรรมที่ยิ่งใหญ่ที่สุดของโลกฟุตบอล นักฟุตบอลหลายคนใฝ่ฝันที่จะเข้าร่วมให้ได้สักครั้ง แฟนบอลทั่วโลกต่างเฝ้ารอคอยแม้ว่าประเทศตัวเองอาจจะไม่ได้มาเข้าแข่งขันด้วยก็ตาม เพราะหากว่าหลังรักชื่นชอบฟุตบอลต้องไม่พลาดกับศึกครั้งนี้อย่างแน่นอน และครั้งแรกที่กำเนิดเกิดขึ้นของฟุตบอลโลก ต้องย้อนไปไกลในปี 1930 นู้นเลย ซึ่งจัดขึ้นที่ประเทศอุรุกวัย แล้วเป็นทีมชาติอุรุกวัยที่จารึกได้ว่าเป็นชาติแรกที่คว้าแชมป์ฟุตบอลโลก เมื่อเอาชนะทีมชาติอาเจนติน่าได้ในนัดชิงชนะเลิศ 4-2 นี่คือครั้งแรก และจากนั้นก็ถูกจัดขึ้นทุกๆ 4 ปีเรื่อยมา โดยมีการหยุดจัดไป 2 ครั้งในปี 1942 กับ 1946 เพราะมีสงครามโลก ก่อนจะมีขึ้นอีกรอบในปี 1950

ทำเนียบทีมคว้าแชมป์ฟุตบอลโลกมากที่สุด

1.บราซิล 5 สมัย ในปี 1958, 1962, 1970, 1994 และ 2002
2.มี 2 ชาติที่คว้า 4 สมัยเท่ากัน คือ อิตาลี ในปี 1934, 1938, 1982 และ 2006 ส่วนอีกทีมคือ เยอรมัน ในปี 1954, 1974, 1990 และ 2014
3.อาเจนติน่า 3 สมัย ในปี 1978, 1986 และ 2022
4.มี 2 ชาติที่คว้า 2 สมัยเท่ากัน คือ อุรกวัย ในปี 1930, 1950 และ ฝรั่งเศส ในปี 1998, 2018
5.ส่วนทีมที่คว้าได้ 1 สมัย มีอยู่ 2 ชาติด้วยกัน คือ อังกฤษ ในปี 1966 และ สเปน ในปี 2010


ทั้งนี้ยังคงไม่มีชาติที่มาจากทวีปอื่นนอกจากยุโรปกับอเมริกาใต้คว้าแชมป์ฟุตบอลโลกได้มาก่อน ซึ่งใกล้เคียงสุดก็มี เกาหลีใต้ ที่เป็นชาติจากทวีปเอเชีย เคยคว้าอันดับ 4 ได้ในปี 2002 และทีมชาติโมร็อคโก ที่เป็นชาติจากทวีปแอฟริกา ที่คว้าอันดับ 4 ได้ในปี 2022 ส่วนทีมชาติไทยของเรานั้น ยังต้องรอเชียร์รอลุ้นกันต่อไป ว่าเมื่อไหร่ที่จะได้เข้าไปร่วมฟุตบอลโลกได้เป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์ ...
#9

การแข่งขันโอลิมปิกคือมหกรรมกีฬาที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในโลก เมื่อเป็นการรวบเราเอานักกีฬาที่เก่งที่สุดดีที่สุดของแต่ละประเทศมาแข่งขันกัน เพื่อหาคนที่เก่งที่สุดในโลกเพียงหนึ่งเดียว ทำให้การคว้าเหรียญทองมาครองได้ มันคือความภาคภูมิใจอย่างที่สุดกับครั้งหนึ่งชีวิตที่ก้าวไปสู่จุดสูงสุดของการเป็นนักกีฬา แล้วบทความนี้จะมาย้อนดูยัง 4 นักมวยคนไทย ที่ไปผงาดคว้าแชมป์เหรียญทองมวยสากลในโอลิมปิกมาครองได้ ซึ่งได้กลายเป็นเรื่องเล่าบทตำนานที่จะถูกเล่าขานกันไปไม่รู้จบ

4 ตำนานนักมวยไทยคว้าทองโอลิมปิก

1.สมรักษ์ คำสิงห์
นี่คือนักมวยไทยคนแรกในประวัติศาสตร์ของชายที่ก้าวไปถึงตำแหน่งแชมป์เหรียญทองมาครองได้ สมรักษ์ คำสิงห์ โดยทำได้ในโอลิมปิกปี 1996 ช่วงนั้นต้องบอกว่าได้สร้างความภูมิใจให้กับประเทศไทยอย่างที่สุด ทั้งได้สร้างชื่อเสียงให้มวยไทยโด่งดังไปไกลทั่วโลกอย่างรวดเร็ว จากนั้น สมรักษ์ ได้กลายเป็นขวัญใจคนใหม่ของคนทั้งประเทศ ที่ต้องยอมรับหัวจิตหัวใจของเขาที่ต่อสู้ดิ้นรนฝึกมวยมาตั้งแต่เด็ก จนวันหนึ่งประสบความสำเร็จอย่างยิ่งใหญ่กับเวทีระดับโลก

2.วิจารณ์ พลฤทธิ์
คนที่ 2 ที่คว้าเหรียญทองมาให้คนไทยได้ ก็คือ วิจารณ์ พลฤทธิ์ ซึ่งเขาคือมวยที่ไม่ได้รับการคาดหวังหรือจับตาเท่าไหร่ในการลงแข่งขันโอลิมปิกเมื่อปี 2000 เพราะเป็นหน้าใหม่ที่พึ่งเข้ามาไม่นาน แต่ทว่าผลงานในปีนั้นสุดยอดตั้งแต่รอบแรก กระทั่งฝ่าฟันไปถึงรอบชิงชนะเลิศอย่างเหนือความคาดหมาย ก่อนจะเอาชนะคู่ต่อสู้ด้วยชั้นเชิงที่เหนือชั้น ผงาดคว้าเหรียญทองมาให้ประเทศไทยได้อย่างน่าประทับใจ

3.มนัส บุญจำนงค์
มนัส ต่างจาก วิจารณ์ พลฤทธิ์ อย่างมาก ในฐานะของนักมวยที่โดนคาดหวังเยอะว่าจะต้องชนะให้ได้ เพราะด้วยฝีมือที่นับได้ว่าเป็นอัจฉริยะที่โดดเด่นคนหนึ่งในวงการมวยช่วงนั้น แล้วเขาก็ไม่ทำคนไทยทั้งประเทศต้องผิดหวัง เมื่อไปถึงเส้นชัยเหรียญทองโอลิมปิกได้เมื่อปี 2004 แล้วจากนั้น 4 ปีต่อมาลงแข่งอีกครั้งในปี 2008 แม้ครั้งนี้จะจบด้วยเหรียญเงิน แต่ก็เพียงพอแล้วที่จะทำให้ มหัส ขึ้นเป็นมวยระดับตำนานอีกคนของประเทศ

4.สมจิตร จงจอหอ
แล้วคนสุดท้ายล่าสุดที่คว้าเหรียญทองได้ก็คือ สมจิตร มวยมากฝีมือจอมเก๋าที่ผิดหวังมาครั้งแล้วครั้งเล่าจนคิดอยากจะเลิกต่อยมวย แต่ด้วยแรงใจที่หนักแน่นขอกัดฟันสู้ต่อ จนสามารถทำได้ในโอลิมปิกปี 2008 ที่พิชิตเหรียญทองมาครองได้ นับว่าเป็นตัวแทนของความพยายามที่น่าชื่นชมที่สุดอีกคนหนึ่งเลยทีเดียว
#10

ดอย สถานที่โปรดปรานของใครหลายคน ที่มักจะเลือกมาท่องเที่ยวเป็นสิ่งแรกๆเมื่อถึงช่วงลมหนาวพัดผ่านเข้ามา แต่สำหรับมือใหม่ที่ยังไม่รู้ว่าควรจะเริ่มอยากไปที่ดอยไหนดี เพราะในบ้านเรามีดอยสวยงามอยู่เยอะเต็มไปหมด แต่ละจังหวัดไม่ได้มีเพียงดอยเดียว แต่มีเยอะจนเลือกกันไม่ถูก บทความนี้จึงอยากจะแนะนำดอยที่คุ้มค่าควรค่าแก่การมาเยี่ยมเยียนอย่างมาก ที่จะมารับเอาความสดชื่นกลับไปได้อย่างตราตรึงไม่รู้ลืม

ดอย น่าเที่ยวในไทยทั้ง 5 แห่ง

1.ดอยผาแดง จังหวัดลำปาง
ดอยผาแดง คือดอยสวยงามที่ใครหลายคนยังไม่เคยรู้จัก แต่ความสวยงามของที่นี่ไม่ได้แพ้ที่ไหนๆแน่นอน โดยที่นี่มีระดับเหนือกว่าน้ำทะเล 720 เมตร มีระยะทางเดินยาวกว่า 2.2 กิโลเมตร ระหว่างทางเต็มไปด้วยวิวธรรมชาติที่สวยงาม ทั้งยังมองลงไปเห็นหมู่บ้านกลางหุบเขาอีกด้วย แล้วยังเป็นที่ที่สามารถมาชมพระอาทิตย์ไม่ว่าจะขึ้นหรือตกได้อย่างสุดฟิน ดอยผาแดง คุ้มค่าแน่นอนถ้าได้มา

2.ดอยค้ำฟ้า จังหวัดเชียงใหม่
สมชื่อกับชื่อดอยค้ำฟ้าจริงๆที่นี่ เพราะมีความสูงจากระดับน้ำทะเล 1,834 เมตรเลยทีเดียว ดอยที่นี่มีความสลับซับซ้อนอยู่ตลอดทาง สามารถเดินชมความสวยงามได้อย่างมีเอกลักษณ์ไม่เหมือนดอยไหนๆ แล้วหากมาช่วงอากาศหนาวเย็นล่ะก็ จะพบกับความฟินเย็นยะเยือกที่อยากจะสัมผัสอย่างแน่นอน

3.ม่อนกิ่วลม จังหวัดตาก
ดอยชื่อดังแห่งหนึ่งในไทย ม่อนกิ่วลม ที่นี่ตั้งอยู่ห่างจากตัวเมืองตากเพียงแค่ 12 กิโลเท่านั้น เมื่อมาถึงจะพบกับความสวยงามอย่างที่สุด เป็นสถานที่ชมหมอกกับพระอาทิตย์ที่ไม่แพ้ที่ไหนเหมือนกัน เรียกได้ว่าพกความประทับใจกลับบ้านเต็มกระเป๋าแน่ๆ

4.กิ่วแม่ปาน จังหวัดเชียงใหม่
หากเป็นคนที่ชื่นชอบในการมาเที่ยวดอย ยังไงก็ต้องไม่พลาดที่นี่ กิ่วแม่ปาน เพราะที่นี่มีทุกอย่างที่คนที่ชอบการเที่ยวดอยต้องการ ระยะทางเดินกว่า 3 กิโลเมตร มีทั้งธรรมชาติที่ชุ่มฉ่ำเขียวขจี รายล้อมไปด้วยสัตว์ป่ามากมาย แล้วจะได้พบกับวิวที่ตระการตาจากหลายๆแห่งระหว่างทาง ต้องไม่พลาดจริงๆที่นี่กับ กิ่วแม่ปาน

5.ดอยแม่อูคอ จังหวัดแม่ฮ่องสอน
ดอยสุดท้ายที่อยากจะแนะนำว่าต้องไปในบทความนี้อยู่ที่จังหวัดแม่ฮ่องสอนกับดอยแม่อูคอ แล้วช่วงที่แนะนำให้ไปคือช่วงพฤศจิกายน เพราะเป็นช่วงที่ดอกบัวตองบานสะพรั่งทั่วทั้งหุบเขานั่นเอง เมื่อขึ้นไปมองยังมุมสูงๆ จะเห็นภาพวิวที่สุดแสนจะสวยงามจับหัวใจ พอรวมกับอากาศที่หนาวเย็นไปด้วย ยิ่งทำให้ที่นี่คือสถานที่โปรดของคนที่เคยมาหลายต่อหลายคนเลยทีเดียว